วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

99พระนามอัลลอฮฺ(2)


ความหมายของพระนามต่างๆของอัลลอฮฺ

القريب (อัลเกาะรีบ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ใกล้ชิดด้วยกับความรอบรู้และความสามารถของพระองค์ต่อสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลายของพระองค์ และด้วยกับความอ่อนโยนและความช่วยเหลือของพระองค์ที่มีต่อบ่าวผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในขณะที่พระองค์นั้นทรงอยู่เหนือบัลลังก์ของพระองค์ ซึ่งซาตของพระองค์จะไม่ปะปนกับสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย

اﻟﻤجيب (อัลมุญีบ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ตอบรับการเรียกร้องของบรรดาผู้วิงวอนทั้งหลาย และการขอร้องของบรรดาผู้วอนขอทั้งหลาย ตามความรอบรู้ และวิทยความปรีชาญาณของพระองค์

اﻟﻤقيت (อัลมุกีต)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่สร้างอาหารหลักทั้งปวง และสร้างปัจจัยยังชีพทั้งหลาย และพระองค์อนุเคราะห์ให้สิ่งเหล่านั้นทั่วถึงไปยังสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย และพระองค์เป็นผู้รักษามันและรักษาการงานต่างๆ ของบ่าวโดยไม่ให้บกพร่องอันใดเลย

اﻟﺤسيب (อัลหะสีบ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ให้ความพอเพียงสำหรับบ่าวของพระองค์ซึ่งสิ่งทั้งหลายทั้ง ปวงที่สำคัญยิ่งสำหรับพวกเขา จากเรื่องศาสนาของพวกเขาและดุนยาของพวกเขาและสำหรับบรรดามุอ์มินีนผู้ศรัทธา พวกเขาจะได้รับส่วนที่ยิ่งใหญ่กว่าจากค่าตอบแทนของพระองค์ และพระองค์คือผู้คิดคำนวนให้แก่พวกเขาซึ่งสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติต่อพระองค์ใน โลกดุนยา

اﻟﻤؤمن (อัลมุอ์มิน)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ทรงเป็นสักขีแห่งความถูกต้องแก่บรรดาศาสนทูตและผู้ปฏิบัติ ตามพวกเขาด้วยการเป็นพยานของพระองค์ว่าพวกเขาเป็นผู้สัจจริง และด้วยกับสิ่งที่พระองค์ทรงยืนยันจากหลักฐานต่างๆ ถึงความสัจจริงของพวกเขา และความปลอดภัยทุกอย่างทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺนั้นมาจากการประทานให้ของ พระองค์ และพระองค์เป็นผู้รับประกันความปลอดภัยแก่บรรดามุอ์มินีนผู้ศรัทธาทั้งหลาย ว่าจะไม่ทรงอธรรม ทรมาน หรือทดสอบพวกเขาด้วยความหวาดกลัวของวันกิยามะฮฺ

اﻟﻤنان(อัลมันนาน)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่มากมายด้วยการให้ ผู้ที่มีความการุญอย่างมหาศาล ผู้ที่มั่งคั่งด้วยความดีที่มีต่อสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย

الطيب (อัฏฏ็อยยิบ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่บริสุทธิ์และปลอดจากทุกๆ สิ่งที่น่าตำหนิและบกพร่องทั้งหลายและพระองค์นั้นทรงไว้ซึ่งความงดงามและ ความสมบูรณ์อย่างแท้จริง และพระองค์คือผู้ทรงมหาศาลด้วยความดีที่มีต่อสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย และพระองค์จะไม่ตอบรับการงานทั้งหลายและการบริจาคทั้งหลาย เว้นแต่สิ่งที่ดีๆ และที่หะลาล(เป็นที่อนุมัติ) และมีความบริสุทธิ์ใจเพื่อพระองค์เท่านั้น

الشاﻓﻲ (อัชชาฟีย์)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ให้การรักษาเยียวยาหัวใจและร่างกายทั้งหลายจากโรคร้ายทั้ง ปวงของมัน และมันไม่ได้อยู่ในอำนาจของบ่าว เว้นแต่ด้วยสิ่งที่อัลลอฮฺกำหนดให้มีความสะดวกง่ายดายจากโอสถและยาต่างๆ สำหรับพวกเขา ส่วนการให้หายจากโรคนั้นอยู่ในอำนาจของพระองค์เพียงผู้เดียว

اﻟﺤفيظ (อัลหะฟีซ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่รักษาดูแลบ่าวผู้ศรัทธาทั้งหลายของพระองค์ และการงานต่างๆ ของพวกเขาด้วยความเอื้ออาทรของพระองค์ และเป็นผู้ดูแลเอาใจใส่และพิทักษ์สิ่งถูกสร้างทั้งหลายด้วยพระเดชานุภาพของ
พระองค์

الوكيل (อัลวะกีล)
คือพระองค์เป็นผู้ที่รับภาระและหน้าที่ดูแลจักรวาลทั้งมวล ทั้งด้วยการสรรค์สร้างและการจัดการ ทรงเป็นผู้รับภาระในการบันดาลและเอื้ออำนวย เป็นผู้ทรงดูแลบรรดาผู้ศรัทธาที่มอบหมายการงานต่างๆ ไปยังพระองค์ก่อนที่พวกเขาจะปฏิบัติและได้ขอความช่วยเหลือต่อพระองค์ในขณะ ที่พวกเขาลงมือ และได้สรรเสริญขอบคุณพระองค์เมื่อพระองค์ให้พวกเขาทำสำเร็จอย่างลุล่วง และพวกเขาได้พอใจกับสิ่งที่พระองค์แบ่งให้หลังจากที่ทรงทดสอบพวกเขา

اﻟﺨلاق (อัลคอลลากฺ)
เป็นพระนามที่ชี้ถึงความมหาศาลของสิ่งที่พระองค์สร้าง ดังนั้นพระองค์ยังคงดำเนินต่อไปซึ่งการเนรมิตและเสกสรรค์
และยังคงไว้ซึ่คุณลักษณะอันยิ่งใหญ่นี้

اﻟﺨالق(อัลคอลิกฺ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่เนรมิตสิ่งถูกสร้างทั้งปวงโดยปราศจากแบบอย่างมาก่อนเลย

البارئ (อัลบาริอ์)
คือ พระองค์เป็นผู้สร้างสิ่งที่พระองค์กำหนดและตัดสินพระทัยในหมู่สิ่งถูกสร้างทั้งปวง และได้นำมันออกไปสู่การมีอยู่ของมันจริงๆ

اﻟﻤصور (อัลมุเศาวิรฺ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่สรรค์สร้างสิ่งถูกสร้างทั้งหลายของพระองค์ตามรูปแบบที่พระองค์ทรงเลือกมันสำหรับพวกเขาด้วยเหตุผลของพระองค์ และด้วยความรอบรู้ของพระองค์ และด้วยความเมตตาของพระองค์

الرب (อัรร็อบ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่บำรุงดูแลสิ่งถูกสร้างทั้งหลายของพระองค์
ด้วยความเมตตาของพระองค์ และทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นทีละน้อย
และดูแลรักษาบรรดาวะลีย์ผู้ใกล้ชิดของพระองค์ด้วยสิ่งที่ดีต่อหัวใจทั้งหลาย ของพวกเขา และพระองค์เป็นผู้สร้าง เป็นผู้มีอำนาจครอบครอง เป็นผู้ปกครอง

العظيم (อัลอะซีม)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ซึ่งสำหรับพระองค์นั้นคือความยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ในซาตของพระองค์เอง และพระนามต่างๆ ของพระองค์ และคุณลักษณะต่างๆ ของพระองค์ด้วยเหตุนี้ จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับปวงบ่าวและสิ่งถูกสร้างทั้งหลายจะต้องให้ความยิ่งใหญ่ ต่อพระองค์ และให้การยกย่องต่อพระองค์ และให้ความสำคัญต่อคำสั่งใช้ และคำสั่งห้ามของพระองค์

القاهر (อัลกอฮิรฺ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ทำให้ปวงบ่าวทั้งหลายยอมนอบน้อมถ่อมตนต่อพระองค์ และทำให้ปวงบ่าวและสิ่งถูกสร้างทั้งหลายเคารพภักดีต่อพระองค์ พระองค์เป็นผู้ทรงเกียรติอันสูงศักดิ์เหนือพวกเขาทั้งหลาย และเป็นผู้ทรงเกรียงไกร ที่ซึ่งลำคอทั้งหลายต้องน้อมให้ และใบหน้าทั้งหลายต้องก้มให้

القهار (อัลเกาะฮฺฮารฺ)
คือ สำนวนที่แสดงถึงคุณลักษณะ อัลกอฮิรฺ ดังกล่าวอย่างถึงที่สุด

اﻟﻤهيمن(อัลมุฮัยมิน)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ดำเนินการต่อสิ่งหนึ่ง และเป็นผู้ดูแลรักษามัน และเป็นพยานให้กับมัน และทรงห้อมล้อมมัน

العزيز (อัลอะซีซ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ทรงไว้ซึ่งความหมายทั้งหลายของความเกรียงไกรยิ่งใหญ่ที่มี แด่พระองค์เท่านั้น ทรงเกรียงไกรในด้านพระเดชานุภาพซึ่งไม่มีผู้ใดจะมีชัยชนะเหนือพระองค์ได้ ทรงเกรียงไกรในด้านความเข้มแข็งโดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสิ่งใดเลย และทรงเกรียงไกรในด้านอานุภาพและชัยชนะ ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดสามารถเคลื่อนไหวได้ เว้นแต่ด้วยการอนุมัติของพระองค์เท่านั้น

اﻟﺠبار (อัลญับบารฺ)
คือ พระองค์เป็นผู้ซึ่งทรงไว้ด้วยพระประสงค์ที่ทรงประสิทธิภาพ และสิ่งถูกสร้างทั้งปวงต่างก็พ่ายแพ้ต่อพระองค์ และเกรงกลัวต่อความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และสยบต่อเหตุผลของพระองค์ และพระองค์คือผู้ที่ดูแลรักษาคนที่มีความระส่ำระสาย และผู้ที่ให้ความร่ำรวยแก่คนยากจน และให้ความสะดวกแก่คนที่ลำบาก

اﻟﻤتكﺒﺮ (อัลมุตะกับบิรฺ)
พระองค์ คือ ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงทรนงจากสิ่งที่เลวและบกพร่องทุกประการ ผู้ทรงสูงส่งบริสุทธิ์เหนือการอธรรมต่อปวงบ่าว ผู้ทรงกำราบเหล่าผู้อหังการ ผู้ทรงลักษณะแห่งความทะนง ผู้ใดที่ยื้อแย้งกับพระองค์ในเรื่องดังกล่าวก็จะทรงปราบ และ ลงโทษเขา

الكبﻴﺮ(อัลกะบีรฺ)
คือผู้ทรงยิ่งใหญ่ในซาต(อัตตา, อาตมัน) ศิฟาต(คุณลักษณะ) และอัฟอาล(กิริยา)ของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดที่ยิ่งใหญ่กว่าพระองค์ ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเล็กกระจิดริดเมื่อเทียบกับความไพศาลและยิ่งใหญ่ของ พระองค์

اﻟﺤﻴﻲ (อัลหะยีย์)
คือ ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความละอายที่คู่ควรกับความยิ่งใหญ่แห่งพระพักตร์และ อำนาจของพระองค์ ความละอายของอัลลอฮฺคือละอายในรูปของความการุณย์ เผื่อแผ่ เอื้อเฟื้อและไพศาล

الحي (อัลหัยยุย์)
คือ ผู้ทรงชีวินที่สถาพรและสมบูรณ์ ผู้ทรงอยู่อย่างนิรันดรไม่มีจุดเริ่มและจุดจบ ทุกๆชีวิตที่มีอยู่ล้วนมาจากพระองค์

القيوم (อัลก็อยยูม)
คือ ผู้ทรงยืนหยัดด้วยพระองค์เอง ผู้ทรงไม่ต้องพึ่งสิ่งใดทั้งสิ้นในหมู่สรรพสิ่งที่ถูกสร้างเป็นผู้ทรงค้ำจุน ทุกสิ่งทุกอย่างในชั้นฟ้าและแผ่นดิน ทุกอย่างล้วนมีความจำเป็นต้องพึ่งพระองค์

الوارث (อัลวาริษ)
คือ ผู้ที่คงอยู่หลังการสูญสลายของทุกสรรพสิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับคืนสู่พระองค์เมื่อเจ้าของมันสูญสลายแล้ว และทุกอย่างที่อยู่ในมือเราล้วนเป็นของฝากที่วันหนึ่งก็จะกลับไปสู่อัลลอฮฺ ผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริง

الديان (อัดดัยยาน)
คือ ผู้ที่ทุกสรรพสิ่งนอบน้อมต่อพระองค์และยอมสยบ ผู้ทรงตอบแทนบ่าวทั้งหลายในสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติ ถ้าเป็นความดีก็จะทรงเพิ่มพูนให้ ถ้าเป็นความชั่วก็จะทรงลงโทษหรือไม่ก็ทรงอภัยให้

اﻟﻤلك (อัลมะลิก)
คือ ผู้ทรงครอบครองคำสั่งใช้ คำสั่งห้าม และชัยชนะ ผู้ทรงบริหารจัดการสรรพสิ่งทั้งปวงของพระองค์ด้วยคำสั่งและการกระทำของ พระองค์ และไม่มีผู้ใดที่มีส่วนในการยืนหยัดอยู่ของการครอบครอง
และการดูแลของพระองค์

اﻟﻤالك (อัลมาลิก)
คือ ผู้ทรงครอบครองแต่เดิมและโดยสิทธิของพระองค์ การครอบครองนั้นเป็นสิทธิของพระองค์ตั้งแต่วินาทีที่ทรงสร้างสรรพสิ่ง มันไม่ใช่ของผู้อื่นผู้ใดนอกจากพระองค์และการครอบครองนั้นก็ยังเป็นสิทธิของ พระองค์เมื่อถึงจุดจบที่ทุกสรรพสิ่งสูญสลาย

اﻟﻤليك (อัลมะลีก)
เป็นพระนามที่บ่งบอกถึงการครอบครองโดยสัมบูรณ์ ซึ่งมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่าอัลมะลิก

السبوح (อัสสุบบูหฺ)
คือ ผู้ทรงบริสุทธิ์จากทุกๆ ข้อตำหนิและความบกพร่อง เพราะพระองค์นั้นมีคุณลักษณะแห่งความสมบูรณ์พร้อมมูลและความงดงามโดยสัมบูรณ์

القدوس (อัลกุดดูส)
คือ ผู้ทรงบริสุทธิ์และปราศจากความบกพร่องและตำหนิทุกประการ ไม่ว่าจะในแง่มุมใดก็ตาม เนื่องเพราะพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงเอกะด้วยคุณลักษณะแห่งความสมบูรณ์โดยแท้ พระองค์จึงไม่คู่ควรแก่การเปรียบเทียบใดๆ

السلام (อัสสะลาม)
คือ ผู้ทรงปลอดจากจากความบกพร่องและตำหนิใดๆ ทุกอย่าง ในซาต หรือคุณลักษณะและพระนามต่างๆ และกิริยาต่างๆ ของพระองค์ ทุกๆ ความสันติที่เกิดขึ้นในดุนยาและอาคิเราะฮฺล้วนมาจากพระองค์

اﻟﺤق (อัลหักฺ)
คือ คือผู้ทรงสัจจริงโดยไม่มีข้อสงสัยและคลางแคลงใดๆ ทั้งในพระนามและคุณลักษณะต่างๆ ของพระองค์ การเป็นพระเจ้าที่คู่ควรต่อการเคารพภักดีเพียงพระองค์เดียว ดังนั้นพระองค์จึงเป็นผู้ที่ไม่มีสิ่งใดควรแก่การเคารพอิบาดะฮฺโดยสัจจริง นอกจากพระองค์เท่านั้น

اﻟﻤبﻴﻦ (อัลมุบีน)
คือ ผู้ทรงชัดเจนในเรื่องต่างๆ ของพระองค์ ทั้งในความเป็นเอกภาพ วิทยปัญญา และความเมตตาของพระองค์ ผู้ทรงชี้แจงแก่บ่าวให้พบกับทางแห่งความถูกต้องเพื่อพวกเขาจะได้ตามมัน และให้พวกเขาเห็นทางที่หันเหเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงมัน

القوي (อัลเกาะวียยุ)
คือ ผู้ทรงอำนาจบารมีโดยสัมบูรณ์พร้อมกับความประสงค์ที่เปี่ยมพร้อม

اﻟﻤتﻴﻦ (อัลมะตีน)
คือ ผู้ทรงแน่นหนักด้วยอำ นาจและความสามารถ ทุกสิ่งที่ทรงทำ ไม่มีความยากลำบาก ไม่ต้องใช้แรง และไม่มีความเหน็ดเหนื่อยใดๆ

القادر (อัลกอดิรฺ)
คือ ผู้ทรงสามารถในทุกๆ สิ่ง ไม่มีสิ่งใดในแผ่นดินและชั้นฟ้าที่ทำให้
พระองค์อ่อนแรงได้ พระองค์ทรงเป็นผู้กำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง

القدير (อัลเกาะดีรฺ)
เป็น ความหมายเดียวกันกับ อัลกอดิรฺ แต่ว่ามีความลุ่มลึกกว่าในการสรรเสริญอัลลอฮฺ

اﻟﻤقتدر (อัลมุกตะดิรฺ)
เป็นพระนามที่บ่งบอกถึงความสามารถแห่งพระองค์อัลลอฮฺที่บรรลุความสุดยอดใน การบริหารจัดการกำหนดต่างๆ และการบันดาลทุกสิ่งตามที่มีอยู่ในความรอบรู้แต่แรกของพระองค์

العلى الأعلى (อัลอะลีย์ยุอัลอะอฺลา)
คือ ผู้ทรงสูงส่งในพระเกียรติ พระอำนาจ และซาตของพระองค์เอง
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้อำนาจและบารมีของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดที่อยู่เหนือพระองค์ทั้งสิ้น

اﻟﻤتعال (อัลมุตะอาล)
คือ ผู้ซึ่งสิ่งต่างๆ นั้นต่ำต้อยต่อหน้าความสูงส่งของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดที่อยู่เหนือพระองค์โดยเด็ดขาด ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ใต้พระองค์ อยู่ใต้อำนาจและบารมีของพระองค์

اﻟﻤقدم (อัลมุก็อดดิม)
คือ ผู้ทรงนำเสนอทุกๆ สิ่งและวางมันในที่ของมันตามที่ทรงประสงค์และตามวิทยปัญญาของพระองค์ ผู้ทรงให้สรรพสิ่งส่วนหนึ่งประเสริฐกว่าอีกส่วนหนึ่งตามความรอบรู้และพระคุณ ของพระองค์

اﻟﻤؤخر (อัลมุอัคคิรฺ)
คือ ผู้ทรงวางทุกสิ่งทุกอย่างในที่ของมัน ทรงให้มันอยู่ข้างหน้าและข้างหลังตามที่ทรง ประสงค์ด้วยวิทยปัญญาของพระองค์ ทรงประวิงการลงโทษจากปวงบ่าวเพื่อให้พวกเขาได้กลับตัวและสำนึกต่อพระองค์

اﻟﻤسعر(อัลมุสะอฺอิร)
คือ ผู้ทรงเพิ่มคุณค่า สถานะ และผลของทุกๆ สิ่ง และทรงลดมัน สิ่งต่างๆ จะแพง(มีค่า)หรือ
ถูก(ไร้ค่า)ย่อมเกิดขึ้นภายใต้การกำหนดแห่งวิทยปัญญาและความรอบรู้ของพระองค์

القابض (อัลกอบิฎ)
คือ ผู้ทรงเก็บเอาวิญญาณ ผู้ทรงกักริซกีหรือโชคลาภจากผู้ที่ทรงประสงค์ ด้วยวิทยปัญญาและความสามารถของพระองค์ เพื่อเป็นการทดสอบพวกเขา

الباسط (อัลบาสิฏ)
คือ ผู้ทรงแผ่ริซกีของพระองค์ให้กับปวงบ่าวด้วยความการุญและความเมตตาของพระองค์ และทรงทดสอบพวกเขาด้วยสิ่งนั้นตามวิทยปัญญาแห่งพระองค์ และทรงแผ่พระหัตถ์ของพระองค์เพื่อรับการสำนึกกลับตัวของบ่าวที่ทำผิด

الأولُ (อัลเอาวัล)
คือ ผู้ซึ่งไม่มีสิ่งใดมาก่อนพระองค์ ทว่าทุกสรรพสิ่งนั้นแท้จริงแล้วล้วนบังเกิดขึ้นด้วยการสร้างสรรค์ของพระองค์ ในขณะที่พระองค์นั้นไม่มีจุดเริ่มต้นของการมีอยู่

الآخرُ (อัลอาคีรฺ)
คือ ผู้ซึ่งไม่มีสิ่งใดอยู่หลังจากพระองค์อีก พระองค์คือผู้ทรงมีอยู่ ทุกๆ คนที่อยู่ในโลกล้วนต้องสูญสลาย แล้วก็จะกลับไปหาพระองค์ การมีอยู่ของพระองค์นั้นไม่มีจุดสิ้นสุด

الظاهر (อัซซอฮิรฺ)
คือ ผู้ทรงสูงส่งเหนือทุกสิ่ง ไม่มีสิ่งใดที่สูงส่งกว่าพระองค์ พระองค์คือผู้ทรงอำนาจชัยชนะเหนือทุกสิ่งและทรงห้อมล้อมครอบคลุมทุกๆ อย่าง

الباطن (อัลบาฏิน)
คือ ผู้ซึ่งไม่มีสิ่งใดอยู่เบื้องล่างถัดไปจากพระองค์อีก และพระองค์คือผู้ทรงใกล้ชิดห้อมล้อมครอบคลุม และปกปิดเร้นลับจากการมองเห็นของสรรพสิ่งในดุนยา

الوتر (อัลวิตรฺ)
คือ ผู้ทรงเอกะหนึ่งเดียว ไม่มีคู่ภาคีใดๆ ผู้ทรงเป็นหนึ่งเดียวไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน

السيد (อัสสัยยิด)
คือ ผู้ทรงไว้ซึ่งการดูแลรับผิดชอบที่สัมบูรณ์เหนือสรรพสิ่งถูกสร้างของพระองค์ พระองค์คือผู้ครอบครองและผู้เลี้ยงดูพวกเขา และพวกเขานั้นเป็นสิ่งถูกสร้างและเป็นบ่าวของพระองค์

الصمد (อัลเศาะมัด)
คือ ผู้ปกครองที่สมบูรณ์ที่สุดในการดูแลจัดการ ผู้ซึ่งทุกๆ สรรพสิ่งต้องมุ่งหมายไปหาในการขอให้พระองค์จัดการความจำเป็นต่างๆ ของพวกเขาทุกอย่าง เนื่องด้วยการพึ่งพิงที่จำเป็นอย่างใหญ่หลวงของพวกเขาต่อพระองค์ พระองค์คือผู้ทรงให้อาหารและไม่ใช่ผู้ที่ถูกถวายอาหารให้

الواحد الأحد (อัลวาหิดุอัลอะหัด)
คือ ผู้ทรงเป็นหนึ่งเดียวและเป็นเอกะในทุกๆ ความสมบูรณ์อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่มีสิ่งใดเป็นภาคีต่อพระองค์ทั้งสิ้น และไม่มีสิ่งใดเหมือนพระองค์ และนี่ย่อมนำเราไปสู่การต้องเคารพอิบาดะฮฺต่อพระองค์เพียงผู้เดียวโดยไม่มีการเทียบเคียงใดๆ ต่อพระองค์

اﻹله (อัลอิลาฮฺ)
คือ ผู้ที่ถูกเคารพภักดีอย่างแท้จริง ผู้ที่คู่ควรแก่การอิบาดะฮฺเพียงพระองค์เดียวโดย ปราศจากสิ่งอื่นๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น