เรียนรู้ และ เข้าใจ อิสลาม จาก มันฮัจญ์ ของ สะละฟุศศอลิห์ และ บรรดาอุละมาอฺ ผู้เจริญรอยตามพวกเขา
วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
99พระนามอัลลอฮฺ(1)
ความหมายของพระนามต่างๆของอัลลอฮฺ มีดังนี้
الله (อัลลอฮฺ)
คือ ผู้ทรงครอบครองสิทธิแห่งการเป็นพระเจ้าที่คู่ควรแก่การกราบไหว้และการมอบตนเป็นบ่าวแด่พระองค์ เหนือสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งมวล พระองค์ คือพระผู้เป็นเจ้าที่ต้องให้ความจงรักภักดี เทิดทูนสรรเสริญ นอบน้อมถ่อมตน และก้มกราบการอิบาดะฮฺทุกชนิดต้องทำเพื่อมอบหมายแด่พระองค์เท่านั้น
الرﺣﻤن (อัรเราะหฺมาน)
คือ พระนามที่ชี้ถึงพระองค์ผู้ทรงมีความกรุณาเมตตาอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมสิ่งถูกสร้างทุกอย่างทั้งมวล และเป็นพระนามที่เจาะจง เฉพาะอัลลอฮฺตะอาลาและไม่อนุญาตให้ใช้กับสิ่งอื่นนอกจากพระองค์
الرحيم (อัรเราะหีม)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่มีความกรุณาปรานี ผู้อภัยโทษต่อบรรดามุอ์มินทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ ซึ่งโดยแน่แท้ พระองค์ได้ทรงชี้นำพวกเขาสู่การเคารพภักดีต่อพระองค์ และจะทรงยกย่องพวกเขาให้เกียรติพวกเขาในวันอาคิเราะฮฺด้วยสรวงสวรรค์ของ พระองค์
العفو (อัลอะฟุวว์)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ลบความผิดบาปและยกโทษให้
และไม่ทรงลงโทษบ่าวแม้ว่าการลงโทษนั้นคู่ควรแก่บ่าวแล้วก็ตาม
الغفور (อัลเฆาะฟูรฺ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ปกปิดความผิดบาปของผู้กระทำบาป
และพระองค์ไม่ประจานเขา และไม่ลงโทษเขา
الغفار (อัลฆอฟฟาร)
คือ พระนามที่ชี้ถึงความมากมายซึ่งการอภัยโทษของอัลลอฮฺที่มีต่อบ่าวของพระองค์ที่กระทำผิดและขอการอภัยโทษ
الرؤوف (อัรเราะอูฟ)
คือ มาจากคำว่า
الرأفة
อัรเราะอ์ฟะฮฺ หมายถึง ความเมตตากรุณาอย่างล้นหลาม
และความเมตากรุณาอย่างถึงที่สุด และมันครอบคลุมสิ่งที่ถูกสร้างทุกอย่างในดุนยาและเฉพาะกับบางคนในหมู่พวกเขา ในอาคิเราะฮฺ นั่นคือบรรดาผู้ศรัทธาอันเป็นที่รักของพระองค์
اﻟﺤليم (อัลหะลีม)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ไม่รีบเร่งในการลงโทษต่อบ่าว ทั้งๆที่พระองค์นั้นมี
ความสามารถที่จะลงโทษพวกเขา แต่ทว่าพระองค์ทรงยกโทษให้แก่พวกเขา และอภัยโทษให้แก่พวกเขาเมื่อพวกเขาขอการอภัยโทษต่อพระองค์
التواب (อัตเตาวาบ)
คือ พระองค์เป็นผู้ทรงชี้ทางการกลับเนื้อกลับตัวให้แก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์จากหมู่บ่าวของพระองค์ และทรงตอบรับการกลับเนื้อกลับตัวจากพวกเขา
السِّتِّﻴﺮ (อัสสิตตีร)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ปกปิดบ่าวของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จะไม่ประจานความผิดของเขาต่อหน้ามัคลูกทั้งหลายของพระองค์ และพระองค์คือผู้ที่ชอบให้บ่าวปกปิดความผิดของตัวของเขาเองและความผิดของคน อื่นๆ และปกปิดอวัยวะพึงสงวนของเขาเช่นเดียวกันด้วย
الغﻨﻲ (อัลเฆาะนีย์)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ไม่ต้องพึ่งใครจากสิ่งถูกสร้างทั้งหลายโดยเด็ดขาด เพราะความสมบูรณ์แบบของพระองค์อันเป็นที่สุดแล้วและด้วยคุณลักษณะที่สมบูรณ์ ทั้งหลายของพระองค์ และสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลายต่างก็ต้องการพึ่งพระองค์ และมีความต้องการที่จะพึ่งต่อความโปรดปรานของพระองค์และความช่วยเหลือของ พระองค์
الكريم (อัลกะรีม)
คือ ผู้ที่ทรงมีความดีและการประทานให้อย่างมากมายมหาศาล พระองค์ทรงให้สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์แก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์และด้วย วิธีการตามที่พระองค์ทรงประสงค์ไม่ว่ากับบุคคลที่วอนขอหรือบุคคลที่ไม่วอนขอ และทรงอภัยโทษต่อความผิดบาปทั้งหลาย
และปกปิดข้อตำหนิทั้งหลาย
الأكرم (อัลอักร็อม)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่บรรลุสุดยอดแห่งความกรุณา ไม่มีผู้ใดที่เสมอเหมือนพระองค์ในเรื่องดังกล่าวนั้นโดยเด็ดขาด ดังนั้นความดีทั้งหลายมาจากพระองค์ และพระองค์ให้รางวัลต่อบรรดามุอ์มินีนผู้ศรัทธาด้วยกับความประเสริฐของ พระองค์และพระองค์ประวิงเวลาให้กับบรรดาผู้ที่ฝ่าฝืนและคิดบัญชีพวกเขาด้วย ความเป็นธรรมของพระองค์
الوهاب (อัลวะฮฺฮาบ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่มากด้วยการให้ปัจจัยและคุณค่าต่างๆ โดยไม่หวังการตอบแทนชดเชย และทรงให้โดยไม่ได้มุ่งหวังเป้าหมายใดๆ และทรงให้ความโปรดปรานโดยไม่ต้องขอ
اﻟﺠواد (อัลญะวาด)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่มากด้วยการให้ของขวัญและความโปรดปรานต่อมัคลูกสิ่งถูก สร้างทั้งหลาย และต่อบรรดามุอ์มินีนผู้ศรัทธาต่อพระองค์ด้วยความเอื้ออารีและความประเสริฐ ของพระองค์ด้วยการให้ในส่วนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
الودود(อัลวะดูด)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่รักบรรดาวะลีย์ผู้ใกล้ชิดอันเป็นที่รักของพระองค์
และแสดงความรักต่อพวกเขาด้วยการอภัยโทษให้และด้วยการให้ความโปรดปราน
ดังนั้นพระองค์จะทรงพอใจต่อพวกเขา และตอบรับการงานทั้งหลายของพวกเขา และทรงทำให้มีการยอมรับพวกเขาในแผ่นดินนี้
اﻟﻤعطي (อัลมุอฺฏีย์)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ให้แก่บุคคลที่พระองค์ประสงค์จากสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย ของพระองค์ ซึ่งสิ่งที่พระองค์ต้องการจากบรรดาคลังของพระองค์ และสำหรับบรรดาวะลีย์ผู้ใกล้ชิดพระองค์นั้นจะได้รับส่วนที่เต็มเปี่ยมจากการ ประทานของพระองค์และพระองค์เป็นผู้ทรงมอบการสร้างสรรค์และรูปร่างแก่มัคลูก สิ่งถูกสร้างทั้งหมดของพระองค์
الواسع (อัลวาสิอฺ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่มีคุณลัษณะต่างๆ ที่กว้างขวาง ดังนั้นไม่มีคนหนึ่งคนใดสามารถจะนับการสรรเสริญต่อพระองค์ให้ครบได้ และเป็นผู้ที่กว้างขวางในการปกครองและอำนาจ และกว้างขวางในการอภัยโทษและเมตตา และมีความประเสริฐและมีความดีงามอันกว้างขวาง
اﻟﻤحسن (อัลมุหฺสิน)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่มีความดีงามที่สมบูรณ์ในตัวของพระองค์เอง
และในพระนามต่างๆของพระองค์ และในคุณลักษณะต่างๆ ของพระองค์ และในการกระทำต่างๆ ของพระองค์และพระองค์คือผู้ที่ทรงสร้างทุกๆ สิ่ง อย่างดียิ่ง และพระองค์เป็นผู้ทรงทำดีต่อมัคลูกสิ่งถูกสร้างทั้งหมดขอพระองค์
الرازق (อัรฺรอซิก)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ให้ปัจจัยยังชีพแก่สิ่งถูกสร้างทั้งหลาย และกำหนดปัจจัยยังชีพต่างๆ ของพวกเขาก่อนการสร้างจักรวาล และรับประกันจะทรงให้อย่างครบสมบูรณ์ตามจำนวนของมัน แม้ว่าเวลาจะยาวนานแค่ไหนก็ตาม
الرزاق (อัรฺรอซซากฺ)
คือ พระนามที่ชี้ถึงพระองค์ผู้ทรงให้ปัจจัยยังชีพอย่างมากมายแก่สรรพสิ่งทั้ง หลายดังนั้นพระองค์คือผู้ซึ่งให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเขาก่อนที่พวกเขาจะ วิงวอนขอต่อพระองค์ ถึงแม้ว่าพวกเขากระทำสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนต่อพระองค์ พระองค์ก็ยังประทานปัจจัยยังชีพให้แก่พวกเขา
اللطيف (อัลละฏีฟ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่รอบรู้ยิ่งต่อทุกๆ ความละเอียดอ่อนของกิจการงานทั้งหลายดังนั้นไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้นต่อ พระองค์ได้ และพระองค์ทรงนำพาสิ่งที่ดีและคุณประโยชน์แก่บ่าวของพระองค์แบบลับๆ โดยที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย
اﻟﺨبﻴﺮ (อัลเคาะบีร)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่มีความรอบรู้ครอบคลุมและห้อมล้อมทุกสิ่งที่เป็นความลับปก ปิดและสิ่งที่ซ่อนเร้นทั้งหลาย เช่นเดียวกับที่ได้ครอบคลุมทุกสิ่งที่เปิดเผยทั้งหลาย
الفتاح (อัลฟัตตาหฺ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่เปิดขุมคลังแห่งการครองครอง ความเมตตา ริซกีและปัจจัยยังชีพต่างๆ ของพระองค์ตามที่ทรงประสงค์บนพื้นฐานของวิทย
ปรีชาญาณและความรอบรู้ของพระองค์
العليم (อัลอะลีม)
คือ พระองค์เป็นผู้ทรงมีความรอบรู้ที่ครอบคลุมสิ่งที่เปิดเผยและสิ่งที่ซ่อนเร้น ทั้งหลาย สิ่งที่ปกปิดและสิ่งที่ชัดแจ้ง อดีตที่ผ่านมา ปัจจุบัน และอนาคต ดังนั้นไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะซ่อนเร้นจากพระองค์ ได้
الﺒَﺮُّ (อัลบัรฺ)
คือ พระองค์ เป็นผู้ที่กว้างขวาง ในการทำดีของพระองค์ที่มีต่อมัคลูกสิ่งถูกสร้าง
ทั้งปวงของพระองค์ พระองค์ให้โดยที่ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดสามารถคิด
คำนวนความโปรดปรานของพระองค์หรือนับมันให้ครบถ้วนได้
และพระองค์ คือ ผู้สัจจริงในสัญญาของพระองค์ ซึ่งพระองค์จะอภัยโทษให้แก่บ่าว
ของพระองค์ ช่วยเหลือเขา และดูแลปกป้องเขา และพระองค์จะทรงตอบรับการงานที่น้อยนิดจากเขา แล้วพระองค์จะทรงทำให้มันเพิ่มพูนอย่างมากมายแก่เขา
اﻟﺤكيم (อัลหะกีม)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ทรงจัดวางทุกสิ่งทุกอย่างในที่ที่สมควรอยู่ และเหมาะสมที่สุด สำหรับมัน และการจัดการบริหารของพระองค์นั้นไม่มีข้อบกพร่องและข้อผิดพลาดใดๆ ทั้งสิ้น
اﻟﺤكم (อัลหะกัม)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ตัดสินชี้ขาดระหว่างสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลายด้วยความเป็น ธรรมดังนั้นพระองค์ไม่อธรรมต่อผู้หนึ่งผู้ใดจากหมู่พวกเขา และพระองค์ได้ประทานคัมภีร์อันทรงเกียรติของพระองค์มาเพื่อเป็นข้อชี้ขาดตัดสินระหว่างมนุษย์ทั้งปวง
الشاكر (อัชชากิรฺ)
คือ พระองค์เป็นผู้ทรงยกย่องผู้ที่เคารพภักดีต่อพระองค์และให้การสรรเสริญแก่เขา และเป็นผู้ตอบแทนความดีต่อการงานหนึ่งถึงแม้ว่าเป็นงานที่ น้อยนิดก็ตาม และตอบรับการขอบคุณของบ่าวต่อความโปรดปรานทั้งหลายของพระองค์ด้วยการเพิ่ม พูนมันในโลกดุนยา และให้รางวัลตอบแทนในอาคิเราะฮฺ
الشكور (อัชชะกูรฺ)
คือ งานที่น้อยนิดของบ่าวจะเพิ่มขึ้น ณ ที่พระองค์ และจะทรงทวีคูณผลตอบแทนให้สำหรับพวกเขา ดังนั้นการขอบคุณของพระองค์ต่อบ่าวนั้น ก็คือการที่ทรงทำให้เขายืนหยัดอย่างมั่นคงด้วยการขอบคุณต่อพระองค์สม่ำเสมอ และการตอบรับการทำความดีของเขา
اﻟﺠميل (อัลญะมีล)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่มีความงดงามในตัวของพระองค์เอง และในพระนามต่างๆ ของพระองค์ และคุณลักษณะต่างๆ ของพระองค์ และการกระทำต่างๆ ของพระองค์ เป็นความงดงามอย่างแท้จริงโดยสัมบูรณ์ และความงดงามทุกอย่างในสิ่งถูกสร้างทั้งปวงของพระองค์นั้นล้วนมาจากพระองค์
اﻟﻤجيد (อัลมะญีด)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ทรงไว้ซึ่งความสูงศักดิ์ ความใจบุญ ความเกรียงไกร
และความสูงส่ง ในชั้นฟ้าทั้งหลายและผืนแผ่นดิน
الولى (อัลวะลีย์)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ดำเนินการบริหารการงานของมัคลูกสิ่งถูกสร้างทั้งหลายของพระองค์ และทรงจัดการบริหารอำนาจของพระองค์ และพระองค์คือผู้ให้การสนับสนุน ให้การช่วยเหลือต่อบรรดาผู้ใกล้ชิดของพระองค์
اﻟﺤميد (อัลหะมีด)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ได้รับการสรรเสริญต่อพระนามต่างๆ ของพระองค์ และคุณลักษณะต่างๆ ของพระองค์ และการกระทำต่างๆ ของพระองค์ และพระองค์คือผู้ที่ถูกสรรเสริญทั้งในยามสุขสบายและในยามเดือดร้อน และทั้งในยามเคราะห์ร้ายและในยามผาสุก และพระองค์เป็นผู้ที่ควรแก่การสรรเสริญและการยกย่องอย่างแท้จริง เพราะแท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงยิ่งด้วยคุณลักษณะที่สมบูรณ์ทุกประการ
المولى (อัลเมาลา)
คือ พระองค์เป็นผู้อภิบาล เป็นผู้ครอบครอง เป็นผู้ปกครอง และเป็นผู้คอยให้การสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือต่อบรรดาวะลีย์ผู้ใกล้ชิด ของพระองค์
النصير (อันนะศีรฺ)
คือ พระองค์เป็นผู้คอยให้การสนับสนุนด้วยการช่วยเหลือของพระองค์แก่บุคคลที่ พระองค์ประสงค์ ดังนั้นสำหรับผู้ที่พระองค์ให้ความช่วยเหลือเขาจะไม่ได้รับความพ่ายแพ้ และสำหรับผู้ที่พระองค์ทอดทิ้งเขาก็จะไม่
ได้รับชัยชนะ
السميع (อัสสะมีอฺ)
คือ พระองค์คือผู้ที่การได้ยินของพระองค์นั้นห้อมล้อมครอบคลุมความเร้นลับและ ความลับทุกๆ อย่าง และต่อสิ่งที่เปิดเผยและชัดเจนทั้งปวง
ทว่าทรงครอบคลุมต่อทุกเสียงทั้งปวงแม้ว่ามันจะละเอียดหรือยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม และพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ตอบรับบุคคลที่วิงวอนขอต่อ
พระองค์
البصير (อัลบะศีรฺ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่การมองเห็นของพระองค์นั้นห้อมล้อมครอบคลุมต่อสิ่งที่มี อยู่ทั้งปวงในโลกแห่งความเร้นลับและโลกแห่งความเปิดเผย แม้ว่ามันจะซ่อนเร้นหรือเปิดเผยเพียงใดก็ตาม และแม้ว่าจะละเอียดอ่อนหรือยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม
الشهيد (อัชชะฮีด)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่คอยสอดส่องดูแลสิ่งถูกสร้างทั้งหลายของพระองค์ และทรงเป็นสักขีเหนือพระองค์เองว่าทรงมีคุณลักษณะแห่งความเป็นเอกะและธำรง อยู่ด้วยความยุติธรรม และทรงเป็นพยานแก่บรรดามุอ์มินีน บรรดาศรัทธาชนทั้งหลาย เมื่อพวกเขาให้ความเป็นเอกภาพต่อพระองค์ และทรงเป็นพยานแก่บรรดาศาสนทูตของพระองค์และบรรดามะลาอิกะฮฺ
ของพระองค์
الرقيب (อัรเราะกีบ)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่ทรงสอดส่องสิ่งถูกสร้างทั้งหลายของพระองค์ และเป็นผู้คำนวนการงานทั้งหลายของพวกเขา ดังนั้น แม้การกระพริบตาเดียวหรือการคาดคิดเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก็จะไม่เล็ดลอดไป จากพระองค์ได้
الرفيق(อัรเราะฟีก)
คือ พระองค์เป็นผู้ที่มากด้วยการอ่อนโยนในการกระทำต่างๆ ของพระองค์ ดังนั้นพระองค์คือผู้ทรงประณีตและทรงทำเป็นลำดับขั้นตอนในการสรรค์สร้างและ การออกคำสั่งบัญชาใช้ของพระองค์ และทรงจัดการกับบ่าวของพระองค์ด้วยความอ่อนโยนและความนิ่มนวล และไม่บังคับพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาไม่มีความสามารถ และทรงรักบ่าวของพระองค์ที่มีความอ่อนโยน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น